การจัดกิจกรรมห้องสมุดเป็นประโยชน์ในการประชาสัมพันธ์เพื่อให้มีผู้รู้จักห้องสมุดมากยิ่งขึ้น
และยังเป็นการกระตุ้นให้มีผู้มาใช้ทรัพยากรสารสนเทศของห้องสมุดอย่างคุ้มค่าและช่วยให้
ผู้ใช้มีความกระตือรือร้นในการติดตามอ่านหนังสือหรือค้นคว้า มีส่วนช่วยเสริมสร้างให้ผู้เรียน
เกิดความคิดสร้างสรรค์ สามารถค้นคว้าหาข้อมูลมาจัดกิจกรรมต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
วัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมห้องสมุด
1. เพื่อประชาสัมพันธ์งานและบริการต่างๆของทางห้องสมุด
2. เพื่อรณรงค์ให้มีการอ่านหนังสือเพิ่มมากขึ้น
3. เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เกิดความอยากอ่านหนังสือประเภทต่างๆมากยิ่งขึ้น
4. เพื่อเป็นก้าวแรกของการรู้จักศึกษาค้นคว้าสารสนเทศมาใช้จัดกิจกรรมให้มีประสิทธิภาพ
อันจะก่อให้เกิดประสิทธิผลต่อผู้เข้าชมกิจกรรมในแต่ละครั้ง
ประเภทของกิจกรรมห้องสมุด
กิจกรรมของห้องสมุดอาจจัดแบ่งประเภทตามวัตถุประสงค์ที่จัดได้ ดังนี้
1. กิจกรรมส่งเสริมการอ่าน เป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสร้างแรงจูงใจให้แก่สมาชิก เพื่อให้
เกิดความสนใจในการอ่านหนังสือและก่อให้เกิดนิสัยรักการอ่าน ได้แก่
- การเล่านิทาน
- การเล่าเรื่องหนังสือ
- การตอบปัญหาจากหนังสือ
- การอภิปราย
- การออกร้านหนังสือ
- การแสดงละครหุ่นมือ
- การโต้วาที
- การประกวดต่างๆ
- การจัดการแข่งในรูปแบบต่างๆ
- การจัดการแสดงหนังสือใหม่
- การวาดภาพโดยใช้จินตนาการจากการฟังนิทาน
2. กิจกรรมส่งเสริมความรู้เรื่องห้องสมุด
เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้สมาชิกหรือบุคคลทั่วไปรู้จักใช้ห้องสมุดเพื่อการศึกษาค้นคว้า
ด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น ได้แก่
- การแนะนำการใช้ห้องสมุด
- การปฐมนิเทศการใช้ห้องสมุด
- การนำชมห้องสมุด
- การอบรมนักเรียนให้รู้จักช่วยงานห้องสมุด หรือที่เรียกกันว่า ยุวบรรณรักษ์ นั่นเอง
3. กิจกรรมส่งเสริมการเรียนการสอน
เป็นกิจกรรมที่ห้องสมุดจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนของแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้
ได้แก่
- การจัดนิทรรศการ
- การประกวดคำขวัญ
- การประกวดเรียงความ
- การตอบปัญหา
- การประกวดวาดภาพ
- การให้ความร่วมมือกับผู้สอนในการจัดให้มีการศึกษาค้นคว้าในชั่วโมงเรียน
4. กิจกรรมส่งเสริมความรู้ทั่วไป
เป็นกิจกรรมที่ห้องสมุดจัดขึ้นเพื่อเสริมความรู้ให้แก่ผู้ใช้บริการ ได้แก่
- การจัดสัปดาห์ห้องสมุด
- การจัดนิทรรศการ
- การสาธิตภูมิปัญญาไทย
- การจัดป้ายนิเทศเสริมความรู้ ซึ่งป้ายนิเทศนี้เป็นป้ายที่ใช้ในการบอกกล่าวถึงสิ่งต่างๆ
หรือเหตุการณ์สำคัญต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นอย่างสั้นๆ ช่วยในการสื่อความรู้
ที่ไม่เน้นการสื่อในรูปแบบของข้อความ ผู้ที่พบเห็นจึงสามารถที่จะทำความเข้าใจได้
ง่ายมากยิ่งขึ้น
- การฉายสื่อมัลติมีเดีย
- การตอบปัญหาสารานุกรมไทยและหนังสือความรู้รอบตัว
5. กิจกรรมส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์จากการอ่าน ได้แก่
- การจัดมุมรักการอ่าน
- การจัดมุมหนังสือในห้องเรียน
- การจัดห้องสมุดเคลื่อนที่
การเล่านิทาน(Story telling)
การเล่านิทานเป็นกิจกรรมที่ช่วยในการส่งเสริมการอ่านประเภทหนึ่งที่ช่วยให้เด็กมีนิสัย
รักการอ่าน เพราะนิทานสามารถให้ทั้งความสนุกสนาน เพลิดเพลิน สามารถช่วยเพิ่มพูน
ความรู้ทางภาษา เสริมสร้างจินตนาการ ผู้เล่าจะต้องศึกษานิทานก่อนที่จะถ่ายทอดให้
ผู้ฟังได้ เนื่องจากการเล่านิทานให้เข้าถึงตัวละครจะทำให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนานและนำ
ไปสู่การอ่านที่ดีได้ การเล่าให้เกิดความสนุกสนานน่าติดตามจะทำให้ผู้ฟังสนใจมากยิ่งขึ้น
สาระน่ารู้ของกิจกรรมการเล่านิทาน
1. เรื่องเล่าอย่างไรที่เรียกว่า “นิทาน”
2. ความเป็นมาของการเล่านิทาน
3. ประเภทของนิทานที่มีอยู่ในประเทศไทย
4. การเลือกนิทานสำหรับใช้ในการเล่า
5. การเตรียมตัวก่อนการเล่านิทาน
6. วิธีที่ใช้ในการเล่านิทาน
7. ประโยชน์ของการเล่านิทาน
ประเภทของนิทานที่มีในไทย
1. นิทานก่อนมีประวัติศาสตร์
2. นิทานประเภทชาดกในนิบาตชาดก ซึ่งเป็นนิทานเกี่ยวกับศาสนาพุทธ คำเทศน์
เช่น พระเวสสันดรชาดก เป็นต้น
3. นิทานประเภทคำกลอน
4. นิทานชาดกนอกนิบาตชาดก เป็นนิทานพื้นเมืองของผู้คนตามท้องถิ่นต่างๆ
ที่ไม่ใช่ศาสนาพุทธ
5. นิทานพื้นเมือง
6. นิทานประเภทจักรๆ วงศ์ๆ
7. นิทานสุภาษิต
8. นิทานยอพระเกียรติ
การเล่านิทานสำหรับการเล่า
เป็นวรรณกรรมที่มีการเลือกสรรมาเล่าให้เด็กๆฟัง ควรมีลักษณะดังนี้
1. นิทานปรัมปรา
2. ร้อยกรอง
3. สารคดี
4. ประวัติบุคคลสำคัญ
5.การใช้สื่อสมัยใหม่ประกอบการเล่า ซึ่งในปัจจุบันมีแนวคิดของคนรุ่นใหม่ที่
นิยมทำเป็น Animation และมีการนำโปรแกรมต่างๆ หรือเครื่องมือต่างๆมา
ประกอบการเล่าอีกด้วย
การเตรียมตัวก่อนการเล่านิทาน
การเล่านิทานเป็นศิลปะที่สามารถฝึกฝนได้ ผู้เล่าจะต้องอ่านเรื่องที่เล่าซ้ำๆจนจำได้ขึ้นใจ บางครั้งอาจต้องใช้หนังสือประกอบ โดยเฉพาะเมื่อเล่าให้เด็กเล็กๆฟัง
นิทานที่เหมาะสำหรับเล่า
1. มีความเคลื่อนไหวอยู่ในเรื่อง
2. มีเนื้อเรื่องที่เร้าใจ
3. มีพรรณนาโวหาร
4. มีการใช้คำซ้ำๆ ข้อความซ้ำๆ และมีความคล้องจองกัน
5. ตัวละครจะมีปฏิภาณ และมีไหวพริบ
6. เนื้อเรื่องให้ความรู้สึกที่สะเทือนใจ
7. จะต้องไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวเกินไป
8. ต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กและสัตว์เล็กๆ
9. เป็นนิทานสุภาษิตและนิทานอีสป
10. เป็นเรื่องที่ขำขัน
11. อาจเป็นเรื่องของตำนาน นิทานพื้นเมือง เทพนิยาย และเทพปกรนัม
วิธีการเล่านิทาน
1. มีการจัดให้เด็กนั่งเตรียมพร้อมสำหรับการฟัง
2. สร้างบรรยากาศในการเล่า
3. เล่าด้วยความมั่นใจ
4. ใช้ภาษาและสำนวนที่สามารถเข้าใจได้ง่าย
5. ผู้เล่าต้องมองผู้ฟังทุกคนอย่างทั่วถึง
6. ผจิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่เล่า
7. ผู้เล่าจะต้องพยายามสร้างมโนภาพในเรื่องที่จะเล่า
8. ควรมีการแสดงท่าทางประกอบตามสมควร
ประโยชน์ที่เด็กจะได้รับจากการฟังนิทาน
1. เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักเลือกอ่านหนังสือ
2. เพื่อให้ผู้ฟังรู้จักแก้ปัญหาให้ตนเองได้ เมื่อนำตนเองเข้าไปเปรียบเทียบกับตัวละครในเรื่อง
3. ทำให้เด็กๆ มีประสบการณ์กว้างขวางมากยิ่งขึ้น
4. ช่วยเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้หัวเราะและมีจินตนาการร่วมกัน
5. ช่วยให้เด็กๆ ได้ตัดสินใจว่าเป็นสิ่งที่สังคมของเขายอมรับ